
ยกเว้นแต่โพรมีธีอุสและน้องชาย
เอพิธีอุส ที่อยู่เคียงข้างฝ่ายเทพ พวกเขาถึงได้รับรางวัล เป็นความไว้วางใจจากเหล่าเทพ
ส่วนไททันอีกตน นั่นคือแอตลาส (Atlas) น้องชายอีกคนของโพรมีธีอุส ถูกลงโทษให้แบกสวรรรค์ไว้บนบ่าตลอดกาล เพื่อไม่ให้สวรรค์กับพิภพมารวมกันได้อีก ณ ที่ๆไร้ซึ่งทั้งทิวาและราตรี (หลายคนเข้าใจผิดว่าแอตลาสแบกโลกทั้งใบเอาไว้ แต่จริงๆไม่ใช่นะครับ แอตลาสแบกสวรรค์เอาไว้ต่างหาก)
ใช่หรือไม่ ที่ตัวเรานั้น เมื่อพ่ายแพ้ต่อโลก หรือ ต่อชีวิตตนเอง ย่อมต้องแบกความทุกข์อันแสนสาหัสเหมือนดั่งแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า โลกที่แบกอยู่นั้นก็หาใช่สิ่งใด แต่เป็นกิเลส ตัณหา อวิชชา และราคะที่เหนี่ยวรั้งเราไว้ และยังแบกต่อไป ไม่เว้นทั้งทิวาและราตรี ตราบสิ้นชีวี
นี่เป็นปริศนาธรรมอันยิ่งใหญ่ที่ชาวกรีกทิ้งไว้ให้พวกเราใคร่ครวญ เนื่องด้วยมนุษย์ส่วนใหญ่ เลือกจะแบกสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ และกักขังตัวเองอยู่ในวิหารเล็กๆของตนเอง หรืออยู่แต่ในดอกบัวที่มิยอมเบ่งบานออกมา ยากจะเปลี่ยนแปลงได้
ขอแค่ตระหนัก ใคร่ครวญ และเปิดตารับแสงแห่งสุริยปัญญา ท่านก็จะสามารถวางโลกทั้งใบไว้แทบเท้า และเดินทางไปสู่มรรคาที่ตั้งมั่นไว้ โดยไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งเรา
เรื่องนี้คล้ายคลึงกับตำนานของเทพีอามาเทระสึ (Amaterasu) สุริยเทพีผู้กักขังตัวเองไว้ในถ้ำมืด ด้วยใจที่ปิดกั้นตนเอง จนโลกธาตุพลันมืดมน ปีศาจอสุรกายพากันออกมาอาละวาด จนเหล่าทวยเทพต้องขอร้องให้นางออกมา เพื่อคืนแสงแห่งสุริยากลับคืนสู่โลกา
เมื่อลองใตร่ตรองให้ดี สงครามครั้งนี้ ก็มีเค้าเรื่องคล้ายคลึงกับมหาภารตยุทธ มหากาพย์อันยิ่งใหญ่แห่งอนุทวีปอินเดีย ที่เป็นสงครามระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม ที่แทรกสอดปริศนาธรรมมากมายให้นั่งใคร่ครวญและเป็นบทเรียนแก่อนุชนคนรุ่นหลัง
เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อสงครามจบลง เหล่าไททันถูกจองจำไว้ในทาร์ทารัส พระแม่ธรณีไกอาไม่พอใจอย่างมากที่ลูกๆของตนหรือเหล่าไททันต้องถูกจองจำ จึงได้ให้กำเนิดอสูรกายคู่